ความจริงสูงสุด 4 ประการ ของสุขภาวะทางจิตวิญญาณ
อาสาสมัครของ Healthiest Me Thailand เป็นทีมงานคริสเตียนที่มาจากหลากหลายอาชีพ ทำภารกิจเพื่อ สังคมสุขภาวะ ด้วยความสมัครใจโดยไม่มีผลประโยชน์ทางธุรกิจอื่นใดแอบแฝง
ทีมงานห่วงใยสุขภาพของท่านในทุกด้าน โดยเฉพาะสุขภาวะทางจิตวิญญาน ซึ่งเป็นส่วนที่มี "ความสำคัญและมีพลังในการขับเคลื่อนชีวิตในทุกทาง" เราจึงแบ่งปันมิติของสุขภาวะด้านนี้ผ่านเนื้อหา "ความจริงสูงสุดสี่ประการ" โปรดใช้เวลานี้ทำความเข้าใจสิ่งที่ลึกซึ้งสำหรับท่านเอง
“โปรดคลิกลิงค์” เพื่ออ่านลิงค์ข้อพระคริสตธรรมคัมภีร์ที่เกี่ยวข้อง
ความจริงประการแรก
พระเจ้าได้เปิดเผยพระองค์เอง ให้เรารู้ความจริงนี้ผ่านทางพระคริสตธรรมคัมภีร์ ซึ่งเป็นบันทึกประวัติศาสตร์ชนชาติอิสราเอล จากเรื่องจริง(non fiction)ที่มีการตีพิมพ์และจำหน่ายมากเป็นอันดับหนึ่งของโลกตลอดกาล ข้อมูลจาก กินเนส เวิลด์ เรคคอร์ด พระคริสตธรรมคัมภีร์บันทึกว่าพระเจ้าคือผู้ทรงสร้างสรรพสิ่งในจักรวาล และทุกสิ่งทุกอย่างเป็นมาจากพระองค์ (ปฐมกาล 1:1, กิจการ 17:24 - 28, โรม 1:20 ,โคโลสี1:16-17) และตัวท่านเองถือกำเนิดขึ้นในการทรงสร้างของพระองค์ (เยเรมีย์ 1:5) ในบรรดาสิ่งที่ทรงสร้างทั้งหมดนั้น พระองค์ทรงสร้างมนุษย์ตามแบบพระฉายาของพระองค์ (ปฐมกาล1:27) พระองค์ให้มนุษย์มีจิตวิญญาณ (ปฐมกาล 2:7, โยบ 32:8, ปัญญาจารย์ 12:7) สิ่งสำคัญเหนืออื่นใดคือ พระองค์ทรงรักเราทุกคนดั่งแก้วตาดวงใจ (ข้อพระคัมภีร์ (ความรักของพระเจ้า)) พระองค์มีแผนการชีวิตที่ครบบริบูรณ์สำหรับเราแต่ละคนอย่างเป็นส่วนตัว (เยเรมีย์ 29:11) พระองค์มีแผนการประทานชีวิตนิรันดร์ให้กับเราตั้งแต่แรกสร้างโลก… แต่คนส่วนมากยังไม่พบชีวิตที่ครบบริบูรณ์นี้ หรือมีคำถามในชีวิตที่หาคำตอบไม่ได้ นั่นก็เพราะความจริงประการต่อไปนี้
ความจริงประการที่ 2
มนุษย์ได้ถูกตัดขาดจากพระเจ้าเพราะความบาป (โรม 3:23) อ่านคำจำกัดความของความบาปที่นี่ จากการกบฏต่อพระเจ้า โดยมนุษย์คู่แรกของโลกทำให้ความบาปตกทอดสู่มวลมนุษยชาติเรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน (โรม 5:12-17) ความบาปยังมีผลกระทบต่อโลกของเรา พบเห็นได้จากข่าวร้ายที่เราได้ยินเป็นประจำทุกวัน (มาระโก 7:20-23 , โรม 8:19-23)
ผลที่ร้ายแรงของความบาป คือ ความตาย (โรม 6:23) มนุษย์ทุกคนต้องตาย…
เมื่อพระเจ้าทรงเป็นผู้บริสุทธิ์แต่มนุษย์เป็นคนบาป สะพานแห่งความสัมพันธ์ระหว่างพระเจ้ากับมนุษย์ถูกตัดขาดจากกัน ความบาปแยกเราจากพระเจ้า…
มนุษย์ได้ตายแล้วฝ่ายจิตวิญญาณ
มนุษย์แสวงหาวิถีทางต่างๆเพื่อเติมเต็ม “ความสัมพันธ์ที่ขาดหายไป” จากพระเจ้าผู้ทรงสร้างเรา พระองค์เป็นแหล่งกำเนิดที่แท้จริงของสรรพสิ่งทั้งปวง เราอาศัยปัญญาและความสามารถซึ่งไม่สมบูรณ์เนื่องด้วยความบาป ได้แก่ การพยายามประพฤติตนเป็นคนดี รักษาศีล นับถือศาสนา เชื่อหลักปรัชญา เราแสวงหาความรักแท้ เราแสวงหาเงินและรักเงิน หรือแสวงหาการยอมรับจากคนรอบข้าง ฯลฯ ด้วยหวังว่าสิ่งเหล่านี้จะให้ความสุขที่แท้จริง
หากแต่พระเจ้าได้ทรงกำหนด และเตรียมวิถีทางแห่งการคืนดีไว้แล้ว พระองค์ปรารถนาจะมอบชีวิตที่ครบบริบูรณ์ให้กับเรา คือความจริงประการต่อไปนี้
ความจริงประการที่ 3
เพราะผลของความบาป คือ ความตาย แต่ของประทานจากพระเจ้า คือ ชีวิตนิรันดร์ (โรม 6:23) พระเจ้าได้ “ประทานชีวิตนิรันดร์” ให้เราผ่านทาง “การสิ้นพระชนม์” ของผู้บริสุทธิ์ผู้หนึ่ง คือ พระเยซูคริสต์ (ชีวประวัติพระเยซู หรือ Jesus ถูกบันทึกไว้ในสารานุกรมบริแทนนิกา(Britannica)ออนไลน์ เป็นที่ยอมรับและเชื่อถือจากมหาวิทยาลัยทั่วโลก รวมทั้งมหาวิทยาลัยชั้นนำ เช่น มหาวิทยาลัยเยล(Yale) ฮาร์วาร์ด(Harvard) และอ็อกซ์ฟอร์ด(Oxford) คลิกที่นี่ https://www.britannica.com/biography/Jesus) พระองค์เป็นพระบุตรองค์เดียวของพระเจ้า ผู้สละชีวิตเพื่อไถ่เราให้รอดพ้นจากการถูกพิพากษา และนี่คือวิถีทางที่จะนำเรากลับไปหาพระเจ้าได้ พระองค์ทรงเป็นทางเดียวเท่านั้น "พระเยซูตรัสกับเขาว่า "เราเป็นทางนั้น เป็นความจริง และเป็นชีวิต ไม่มีผู้ใดมาถึงพระบิดาได้นอกจากจะมาทางเรา” - ยอห์น 14:6 พระเยซูทรงสละชีวิตของพระองค์เองให้เป็นค่าไถ่บาปและความตายเพื่อคนมากมาย (โรม 5:15, มาระโก 10:45)
พระเจ้าได้เปิดเผยเกี่ยวกับพระองค์และแจ้งเรื่องการมาบังเกิดของพระเยซู (อ้างอิงจากพันธสัญญาเดิม) ในพระคริสตธรรมคัมภีร์ซึ่งได้บันทึกเรื่องราวของพระองค์ในพระคริสตธรรมคัมภีร์สี่เล่มแรก คือ มัทธิว มาระโก ลูกา และ ยอห์น พระเยซู คือพระบุตรของพระเจ้าผู้บริสุทธิ์ “แต่พระเจ้าทรงสำแดงความรักของพระองค์แก่เราทั้งหลายคือ ขณะที่เรายังเป็นคนบาป พระคริสต์ได้ทรงสิ้นพระชนม์เพื่อเรา” - โรม 5:8 และพระเยซูคริสต์ตรัสใน ยอห์น 10:17-18 (<---โปรด คลิก เพื่ออ่านจากลิงค์)
พระองค์ทรงฟื้นขึ้นมาจากความตาย "พระคริสต์ได้ทรงสิ้นพระชนม์เพราะบาปของเราทั้งหลาย ตามที่เขียนไว้ในพระคัมภีร์ และทรงถูกฝังไว้ แล้ววันที่สามพระองค์ทรงเป็นขึ้นมาใหม่ ตามที่เขียนไว้ในพระคัมภีร์นั้น พระองค์ทรงปรากฏแก่เคฟาส แล้วแก่อัครทูตสิบสองคน ภายหลังพระองค์ทรงปรากฏแก่พวกพี่น้องกว่าห้าร้อยคนในคราวเดียว - 1 โครินธ์ 15:3-6
ก่อนพระองค์เสด็จขึ้น(ลอยขึ้น)สู่สวรรค์ทั้งพระกาย พระองค์สัญญาว่าจะทรงสถิตอยู่กับเรา จะทรงเป็นผู้ช่วยและไม่ทอดทิ้งเรา ยอห์น 14:16-18, ฮีบรู 13:5-8, มัทธิว 28:20, สถิตอยู่ด้วยตลอดเวลา (บทความจาก มานาประจำวัน)
แต่การได้รู้ความจริง 3 ประการแล้วนั้น ยังไม่อาจให้ชีวิตที่ครบบริบูรณ์แก่ท่านได้ โปรดอ่านความจริงประการที่ 4 ประการสุดท้าย...
ความจริงประการที่ 4 ประการสุดท้าย
เป็นความจริงประการสำคัญ เพราะเกี่ยวข้องกับตัวท่านโดยตรง หากท่านเชื่อว่า สิ่งที่ได้ยินมาทั้งหมด คือสิ่งที่ท่านแสวงหามาตลอดชีวิต และท่านได้รับคำตอบจากความจริงทั้ง 3 ประการข้างต้น
ท่านก็ได้มาถึง “เวลาแห่งการเปิดใจ ต้อนรับพระเยซูคริสต์” มาเป็นองค์พระผู้เป็นเจ้าและพระผู้ช่วยให้คุณรอดพ้นจากความบาป การถูกพิพากษา จากการรับโทษนิรันดร์ในบึงไฟนรก แล้วท่านจะได้สัมผัสความรักของพระเจ้าและพบแผนการของพระองค์สำหรับชีวิตของท่าน ทั้งได้รับสิทธิในการเป็นลูกของพระเจ้าเมื่อท่านต้อนรับพระเยซูคริสต์เข้ามาในชีวิตของท่าน ดังพระคัมภีร์ข้อนี้ "แต่ทุกคนที่ยอมรับพระองค์ คือคนที่เชื่อในพระนามของพระองค์นั้น พระองค์ก็จะประทานสิทธิให้เป็นลูกของพระเจ้า" - ยอห์น 1:12 ท่านสามารถเชิญและรับองค์พระเยซูคริสต์เข้ามาในชีวิตของท่าน “ด้วยความเชื่อ” ด้วยว่าซึ่งเราทั้งหลายรอดนั้นก็รอดโดยพระคุณเพราะความเชื่อ และมิใช่โดยตัวเราทั้งหลายกระทำเอง แต่พระเจ้าทรงประทานให้ ความรอดนั้นจะเนื่องด้วยการกระทำก็หามิได้ เพื่อมิให้คนหนึ่งคนใดอวดได้ - เอเฟซัส 2:8-9
เมื่อท่านต้อนรับพระเยซูคริสต์ ท่านจะได้รับประสบการณ์ในการ "บังเกิดใหม่" (ยอห์น 3:1-8) พระเยซูคริสต์ตรัสว่า "นี่แนะ เรายืนเคาะอยู่ที่ประตู ถ้าผู้ใดได้ยินเสียงของเราและเปิดประตู เราจะเข้าไปหาผู้นั้น" - วิวรณ์ 3:20
การต้อนรับพระเยซูคริสต์เข้ามาในชีวิต คือ การตระหนักว่าเราคือคนบาป และอยากรู้จักพระเจ้า ไว้วางใจว่าพระเยซูคริสต์จะมาเป็นพระผู้ช่วยในชีวิตของเรา อภัยโทษบาปให้แก่เรา หากท่านมี “ความเชื่อด้วยใจและยอมรับด้วยปาก” ของท่านว่าท่านเชื่อในพระองค์และต้องการต้อนรับพระเยซูคริสต์เข้ามาเป็นพระผู้ช่วยให้รอดเป็นการส่วนตัวของท่านในเวลานี้ ขอให้ท่านพูดคุยกับพระเจ้าหรืออธิษฐานตามคำอธิษฐานดังนี้
“ข้าแต่พระเจ้า ข้าพระองค์รู้ว่าข้าพระองค์ได้กระทำผิดบาปต่อพระองค์และสมควรที่จะได้รับโทษ แต่พระเยซูคริสต์ทรงรับโทษที่ข้าพระองค์สมควรจะได้รับแทนข้าพระองค์ไปแล้ว เพื่อว่าโดยความเชื่อในพระองค์ ข้าพระองค์จะได้รับการยกโทษ ข้าพระองค์ขอหันหลังให้กับความบาปของข้าพระองค์และขอวางใจว่าพระองค์ประทานความรอดพ้นจากความบาปให้ ข้าพระองค์ขอต้อนรับพระเยซูเข้ามาเป็นพระผู้ช่วยให้รอดส่วนตัวของข้าพระองค์ ขอบคุณพระองค์สำหรับพระคุณและการให้อภัยบาปอันแสนอัศจรรย์ ซึ่งเป็นของขวัญแห่งชีวิตนิรันดร์ที่มาจากพระองค์ ข้าพเจ้าอธิษฐานในพระนามของพระเยซูคริสต์ อาเมน”
โปรดทราบว่า การอธิษฐานด้วยถ้อยคำเหล่านี้หรือถ้อยคำอื่นๆ ไม่ได้ช่วยให้คุณรอดจากความบาป หากแต่ “ความเชื่อมั่นและวางใจในพระเยซูคริสต์เท่านั้น” ที่จะช่วยให้คุณรอดได้ คำอธิษฐานนี้เป็นเพียงการแสดงออกต่อพระเจ้าว่าท่านเชื่อในพระองค์ และเป็นการขอบคุณพระองค์ที่ได้ทรงจัดเตรียมความรอดไว้ให้ท่าน
หากท่านได้อธิษฐานต่อพระเจ้าแล้ว เราขอแสดงความยินดีกับท่านเป็นอย่างยิ่ง!!!
และขณะนี้มีความชื่นชมยินดีในสวรรค์ด้วยเรื่องของท่าน (ลูกา 15 :1-10)
หากท่านต้องการข้อมูลเพิ่มเติม หรือมีคำถามใดๆ สามารถส่งข้อความอินบ็อกมาหาเราที่ https://www.facebook.com/HealthiestMeThailand/ เรายินดีตอบคำถาม ให้คำปรึกษาและอธิษฐานด้วยกันกับท่าน
เราจะอยู่เคียงข้างท่านและจะเป็นกำลังใจ ช่วยให้ท่านมีชีวิตใหม่กับพระเจ้าด้วยความเชื่ออย่างมั่นคง มีสันติสุข ความหวัง ความรัก และความชื่นชมยินดีได้ทุกวันในองค์พระเยซูคริสต์
โปรดคลิกติดตามเพจ Healthiest Me เพื่อสุขภาพที่ดีขึ้นรอบด้านของท่าน ทั้งด้านร่างกาย จิตใจ สังคมและจิตวิญญาณ
ด้วยรักและห่วงใย
ทีมงานเฮลติเอท มี
Healthiest Me Thailand